1) การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย – ทั้งสองคนต้องไปเซ็นชื่อที่สำนักงานเขต/อำเภอพร้อมกัน
2) การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล – ในกรณีที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม คุณต้องฟ้องศาลให้มีคำพิพากษาหย่า
เหตุผลที่สามารถฟ้องหย่าได้ตามกฎหมาย (บางส่วน)
คู่สมรสไม่อยู่กินด้วยกันนานเกิน 3 ปีโดยไม่มีเหตุอันควร
อีกฝ่ายมีชู้หรือคบชู้สู่ชาย/หญิง
ทอดทิ้งหรือไม่เลี้ยงดูตามหน้าที่สามีภรรยา
ประพฤติไม่ดีร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย ด่าทอเสื่อมเสีย
วิกลจริตติดต่อกันเกิน 3 ปี และเป็นโรคที่รักษาไม่ได้
สามีภรรยา ที่จดทะเบียนสมรส สามารถฟ้องหย่าได้หลายกรณี เช่น ทิ้งร้างเกินกว่า 1 ปี , สามีหรือภรรยา มีชู้,
สามีและภรรยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน 3 ปี , ทำร้ายร่างกายอย่างร้ายแรง หรือเหตุอื่นๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516
สามีภรรยา สามารถ ยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ที่มีเขตอำนาจแต่ละจังหวัด ได้
ขั้นตอนโดยสรุป:
เตรียมหลักฐานที่แสดงเหตุหย่า (ข้อความ, พยาน, หลักฐานทางการแพทย์ ฯลฯ)
ยื่นฟ้องต่อศาลที่คู่สมรสอยู่ หรือศาลที่คุณอยู่
ดำเนินคดีตามกระบวนการ
หากศาลมีคำพิพากษาให้หย่า คุณสามารถนำคำพิพากษาไปแจ้งที่เขต/อำเภอเพื่อจดทะเบียนหย่าได้โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายมาเซ็น
เหตุผล เค้าไปอยู่กินกับคนอื่นและมีลูกใหม่ไปแล้ว แต่ไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้
ถ้าอดีตภรรยา ไปอยู่กินกับคนอื่นและมีลูกใหม่ แบบนี้ ถือว่าเข้าข่าย “มีชู้” ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ที่คุณสามารถใช้เป็นเหตุฟ้องหย่าได้แน่นอนครับ
สิ่งที่คุณทำได้:
รวบรวมหลักฐาน เช่น:
ภาพถ่าย / แชท / ข้อความในโซเชียลที่แสดงว่ามีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
หลักฐานการอยู่ร่วมกัน เช่น มีชื่ออยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน
สูติบัตรของลูกใหม่ (ถ้าลงชื่อผู้ชายคนใหม่เป็นบิดา)
พยานบุคคลที่รู้เห็น
ยื่นฟ้องหย่าต่อศาล โดยสามารถทำผ่านทนาย หรือไปที่ศาลจังหวัดใกล้บ้านเพื่อปรึกษาแผนกคดีครอบครัว
เมื่อศาลพิพากษาให้หย่า คุณจะสามารถนำคำพิพากษาไปจดทะเบียนหย่าได้ที่สำนักงานเขต/อำเภอ โดยไม่ต้องพาอีกฝ่ายมา
หน้าที่เข้าชม | 4,033 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 3,135 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 เม.ย. 2567 |
ร้านค้าอัพเดท | 1 ก.ย. 2568 |